แก๊งรุ่นพี่ รับน้องโหดจนเสียชีวิต กราบขอขมาพ่อแม่ มหาวิทยาลัย ยันลงโทษตามความผิด
แก๊งรุ่นพี่ รับน้องโหด จนเสียชีวิต 1 รายใน จ.นครราชสีมา กราบขอขมาพ่อแม่ มหาวิทยาลัยออกแถลงการณ์ประณาม เตรียมลงโทษตามระดับความผิด-ดำเนินคดีจนถึงที่สุด
จากกรณีโลกออนไลน์แชร์ข้อมูลเกี่ยวกับการ รับน้อง ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในตัวเมืองจังหวัดนครราชสีมา จนทำให้เกิดการเสียชีวิต ทราบชื่อภายหลังคือ นายพัสยศ ชลภักดี หรือ น้องเปรม อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 แผนกช่างกลโรงงานจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
ล่าสุดวันนี้ (15 มี.ค.65) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ สภ.มะเริง อ.เมือง จ.นครราชสีมา พบ พ.ต.อ.คณัสนันท์ สุวรรณทร์พย์ ผกก.สภ.มะเริง ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำรุ่นพี่ชั้นปีที่ 2 ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิต ทั้งหมดจำนวน 7 คน โดยทั้งหมดได้มีการตรวจโควิดเพื่อความปลอดภัย
นายเอ็กซ์(นามสมมุติ) อายุ 19 ปี รุ่นพี่ที่ก่อเหตุชั้นปีที่ 2 เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 มี.ค.65 เวลาประมาณ 21:00 น. ในการรับน้องนอกสถานที่ของมหาวิทยาลัย โดยใช้พื้นที่ในเขตคลองตำบลมะเริง ซึ่งเป็นพื้นที่นา โดยได้มีการร่วมกิจกรรมหลายอย่าง ส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผู้ตายได้ซื้อมาดื่มกับเพื่อน ยอมรับว่าในช่วงหนึ่งได้มีการต่อยหมัดเข้าใส่บริเวณลิ้นปี่ของน้องเปรมไป 1 ที ก่อนที่จะหมดสติล้มลง
นายเอ็กซ์ กล่าวต่อว่า ตนพร้อมเพื่อนจึงรีบทำการปฐมพยาบาลปั๊มหัวใจและรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที และมาทราบภายหลังว่าน้องเปรมเคยรถล้มมาก่อน และมีภาวะติดเชื้อโควิดซึ่งอาจจะทำให้ร่างกายอ่อนแอจนเป็นเหตุถึงกับเสียชีวิต ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายน้องจนถึงชีวิตและรู้สึกเสียใจ โดยได้มีการกราบขอขมาพ่อแม่ไปแล้วและขอรับผิดทุกอย่างตามกระบวนการของกฎหมาย
ด้านนายเอกชัย ชลภักดี อายุ 53 ปี พ่อน้องเปรมผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า หลังจากทราบข่าวว่าลูกชายเสียชีวิตได้เดินทางจากจังหวัดนครศรีธรรมราชซึ่งตนไปทำงาน มาเพื่อมาดูศพลูกชายและสอบถามถึงสาเหตุของการเสียชีวิต หลังจากทราบว่ารุ่นพี่ได้มีการแอบพารุ่นน้องมารับน้องกันนอกสถานที่จนทำให้เสียชีวิต โดยเมื่อทราบข่าวหัวใจตกลงถึงตาตุ่มและไม่คิดไม่ฝันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของตัวเอง
ซึ่งตนก็ตั้งคำถามกลับไปว่าทำไมถึงมีการรับน้องที่รุนแรงขนาดนี้ โดยได้มีการสอบถามไปทางรุ่นพี่แล้วทุกคนก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่พร้อมที่จะให้อภัย อีกทั้งยังทราบว่าลูกชายของตนติดโควิดจึงทำให้การผ่าชันสูตรศพเพื่อหาสาเหตุนั้นยากลำบากขึ้นไปอีก จะต้องพึ่งนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ทั้งนี้อยากให้ทางมหาวิทยาลัยมีการตรวจสอบคุมเข้มเกี่ยวกับการรับน้องให้มากกว่านี้ และอยากให้เคสนี้เป็นเคสสุดท้ายของประเทศไทย
ด้านนางนิตยา ชนภักดี อายุ 42 ปี มารดาของน้องเปรม บอกว่า ปกติน้องเปรมเป็นคนที่ร่างกายแข็งแรง เป็นนักกีฬาฟุตบอลของโรงเรียนในจังหวัดมาหลายปี ถ้าน้องเปรมถูกรุ่นพี่เพียง 1 คนทำร้าย ก็เชื่อว่าอาการคงไม่หนัก แต่น้องเปรมกลับได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสจนถึงแก่ชีวิต คงจะโดนรุ่นพี่หลายคนรุมรับน้อง เพราะเพื่อนที่ไปรับน้องด้วยกัน บอกกับตนว่า ทุกคนโดนรับน้องหมด โดยต่อยที่หน้าอก และน่าจะโดนที่จุดอื่นด้วย ที่สำคัญคือ น้องเปรมน่าจะโดนอย่างรุนแรงหลายครั้งจากหลายๆคน จึงทำให้เสียชีวิตลงได้ เพราะจากภาพข่าวมีรุ่นพี่ที่มานั่งขอขมาก็เกือบ 20 คน ซึ่งตนไม่รู้ว่า จริงๆแล้ว น้องเปรมโดนรุ่นพี่กี่คนรับน้องกันแน่ ซึ่งตนไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับลูกหลานของใคร ขอให้เป็นกรณีสุดท้าย ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก
ในขณะที่ ผศ.สุพจน์ วัชโรภากุล รองอธิการบดี ฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ เปิดเผยว่า ได้รับทราบเรื่องเมื่อวานนี้ ซึ่งรองศาสตราจารย์ ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดี มทร.อีสาน ได้มีแถลงการณ์ชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้นว่า มหาวิทยาลัยมีนโยบายอย่างเด็ดขาดเคร่งครัด ที่ห้ามมีการรับน้องไม่ว่าในสถานที่หรือนอกสถานที่หรือการประชุมเชียร์ใดๆอย่างเด็ดขาด โดยออกเป็นประกาศมหาวิทยาลัย เรื่อง งดการจัดกิจกรรมต้อนรับน้องใหม่และประชุมเชียร์ ประจำปีการศึกษา 2564
หลังรับทราบเหตุการณ์อันเศร้าสลดที่เกิดขึ้น ทางมหาวิทยาลัยฯ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของน้องเปรมที่ต้องสูญเสียบุตรผู้เป็นที่รัก และเป็นอนาคตของชาติ ซึ่งผลจากการกระทำของกลุ่มนักศึกษาที่กระทำลงไปโดยขัดกับประกาศและกฎระเบียบของมหาวิทยาลัย ได้มีการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างใกล้ชิด เพื่อเข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและควบคุมตัวผู้กระทำผิดไปสอบสวนข้อเท็จจริง และดำเนินคดีให้ถึงที่สุดต่อไป
ทั้งนี้ จากการดำเนินการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มะเริง และ สภ.เมืองนครราชสีมา ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและสอบหาข้อเท็จจริง เบื้องต้นทราบว่า เหตุเกิดขึ้นในช่วงปิดภาคการศึกษา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2565 เวลาประมาณ 23.00 น.โดยมีผู้ร่วมกิจกรรมเป็นนักศึกษา ระดับ ปวส.ชั้นปีที่ 1 และปีที่ 2 เข้าร่วมกิจกรรม ประมาณ 60 คน สถานที่เกิดเหตุอยู่ภายนอกมหาวิทยาลัย ห่างจากมหาวิทยาลัย เป็นระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ผู้เสียชีวิตเป็น นศ. ปวส ชั้นปีที่ 1 ผู้ก่อเหตุที่เป็นผู้รับผิดชอบกิจกรรมนี้ มีประมาณ 6 ราย
ชมคลิป