โดนเก็บค่าชุด PPE ครึ่งแสน ไม่จ่ายเงิน ไม่ได้เจอลูก
เป็นอีกประเด็นที่ชาวเน็ตให้ความสนใจอย่างมาก เมื่อนายจ้างของแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชารายหนึ่งได้ร้องขอความเป็น
ธรรมให้กับลูกจ้าง เนื่องจาก ลูกจ้างสาวรายนี้เพิ่งได้ให้กำเนิดลูกกะทันหันที่โรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งก่อนหน้านั้น สามีของเธอ
ตรวจพบเชื้อโควิด จึงได้มีการแยกรักษาตัวไปอยู่ที่ศูนย์พักคอยวัดสะพาน
โรงพยาบาลสนาม
โดยผลตรวจเบื้องต้นของลูกจ้างชาวกัมพูชารายนี้ออกมาแล้วว่าไม่พบเชื้อโควิด แต่ระหว่างที่กำลังอยู่เพื่อสังเกตอาการต่อไป
นั้นเธอมีอาการเจ็บท้องคลอดทางนายจ้างจึงได้ประสานหน่วยงานต่างๆ ทั้งโทร. เข้าสายด่วน 191 เพื่อให้ตำรวจช่วยประสาน
หารถพยาบาลมารับตัวไป กระทั่งมีรถกู้ชีพของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งมารับตัว
สาวท้อง
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
ทว่าเนื่องจากที่โรงพยาบาลดังกล่าวเตียงเต็มไม่สามารถทำคลอดได้ จึงได้มีการประสานไปในหลายโรงพยาบาล จนในที่สุดมี
โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งรับทำคลอดให้ แต่เมื่อคลอดแล้ว แพทย์แจ้งว่า ลูกจ้างชาวกัมพูชารายนี้ ยังมีความเสี่ยงจึงดำเนินการ
ตรวจโควิดซ้ำและพบว่าติดเชื้อแต่ไม่รุนแรง จึงได้ทำการนำตัวเธอที่เพิ่งคลอดลูกออกไปรักษาตัวที่ Hospitel
ระหว่างจะออกไปรักษาโควิดนั้น ลูกจ้างชาวกัมพูชาได้จ่ายเงินค่าทำคลอดเป็นเงิน 14,555 บาท เรียบร้อยแล้ว ทว่าลูกของเธอ
ยังอยู่ในความดูแลของแพทย์ที่โรงพยาบาลรัฐแห่งนี้ เพราะต้องรอสังเกตอาการอีกว่า ทารกน้อยติดเชื้อด้วยหรือไม่
โรงพยาบาล
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
กระทั่งต่อมาต่อมาวันที่ 20 กรกฎาคม นายจ้างได้รับโทรศัพท์จากสามีของลูกจ้างชาวกัมพูชาบอกว่า โรงพยาบาลแจ้งว่าถ้าจะ
มาเอาตัวลูกนั้น จะต้องชำระค่ารักษาพยาบาลในการดูแลทารกตั้งแต่วันที่ 16 – 20 กรกฎาคม 2564 เป็นเงิน 83,261 บาท ไม่
เช่นนั้นจะไม่สามารถนำลูกออกจากโรงพยาบาลได้
สาวท้อง
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
นอกจากนี้ นายจ้าง ยังได้เล่าต่ออีกว่า เมื่อทราบเรื่อง ตนก็ได้รีบติดต่อไปยังโรงพยาบาลทันที เพื่อสอบถามว่าค่ารักษา
พยาบาลที่เกิดขึ้นมาจากส่วนไหน จึงได้รับแจ้งชี้แจงว่า เป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าดูแลทารกตามปกติทั่วไป แต่ค่าบริการอื่นๆ ที่
สูงถึง 45,140 บาท ระบุว่าเป็นค่าชุด PPE ที่เจ้าหน้าที่ต้องใส่เข้าไปดูแลทารก เมื่อสอบถามกลับไปยังลูกจ้างชาวกัมพูชา ก็
บอกว่า ทางโรงพยาบาลไม่ได้มีการแจ้งว่า จะมีค่าใช้เพิ่มเติมในการดูแลทารกระหว่างที่ตัวแม่รักษาโควิด
อย่างไรก็ตาม นายจ้างของสาวกัมพูชาได้ระบุอีกว่า อยากขอความเป็นธรรมกับทางโรงพยาบาลว่าเหตุใดจึงมีค่าใช้จ่ายในการ
ดูแลทารกที่ลงในรายการว่า ค่าบริการอื่นๆ สูงมาก ทั้งที่เป็นโรงพยาบาลของรัฐ อีกทั้งตนที่เป็นนายจ้างและลูกจ้างต่างด้าวทั้ง
2 คน ก็ไม่มีเงินมากเพียงพอที่จะนำไปชำระเพื่อนำตัวลูกพวกเขาออกมาดูแลได้ ระหว่างที่ลูกจ้างทั้ง 2 รายของตนยังรักษา
อาการป่วยจากโควิดอยู่ จึงอยากให้โรงพยาบาลเห็นใจและให้ความเป็นธรรมด้วย