ทำแค่ปีละครั้ง ทำไมบริจาคโลงศพ อานิสงส์แรง
อานิสงส์ ของการบริจาคโลง คือใจผู้บริจาคเป็นสุข สุขจากการได้ทำบุญ ได้ทำความดี คนต-าeมีโลงนอน เชื่อกันว่า
เป็นการต่ออายุไข สะเดาะเคราห์ ผ่อนหนักเป็นเบาก็สุดแล้วแต่ความเชื่อ ศรัทธาของแต่ละบุคคล การทำบุญโลงเป็น
การช่วยเหลือวิญญาณไร้ญาติ เป็นสถานที่เชื่อมต่อกับสิ่งที่มองไม่เห็น เรียกว่า “แรง ก ร ร ม ” และเป็นการทำบุญ
เสริมชะตาชีวิตตัวเอง ควรทำบุญนี้ให้ได้อย่างน้อยปีละครั้ง
1.ใช้มือสัมผัสใบอนุโมทนาแล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า “ข้าพเจ้า ชื่อ-สกุล ขอน้อมถวายการทำบุญโลงในครั้งนี้ แด่วิญญาณ
ไร้ญาติหรือวิญญาณที่ยากไร้ ขอให้ท่านได้รับอานิสงส์ผลบุญที่ข้าพเจ้าได้กระทำไปแล้วนี้ ขอให้ท่านได้ไปยังภพภูมิที่ดี
ด้วยเทอญฯ (และตั้งจิตอธิษฐานอื่นๆ)
2.สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามที่แต่ละสถานที่กำหนด และควรไหว้ฟ้าดินก่อน ปักธูปตามจำนวนที่เขากำหนดไว้
โดยมากจะเขียนบอก ควรไหว้ให้ครบทุกองค์
3.เผาใบอนุโมทนานั้นในที่ที่จัดไว้
4.จากความเชื่อว่ามนุษย์ผู้นั้นที่ยังคงบริโภคเนื้อสัตว์อยู่ ผลบุญนี้อาจจะยังไม่ถึง จึงนิยมเคาะกลอง และระฆัง
เพื่อให้ได้ยินไปที่สวรรค์
ถ้าเป็นกลางวัน เคาะกลองก่อน เคาะ 5 ครั้ง และตามด้วยระฆัง 5 ครั้ง
ถ้าเป็นกลางคืน เคาะระฆังก่อน เคาะ 5 ครั้ง และตามด้วยกลอง 5 ครั้ง
5.เติมน้ำมันตะเกียงเพื่อเพิ่มแสงสว่างให้กับชีวิต
6.กรวดน้ำอุทิศผลบุญกุศลให้ญาติพี่น้อง เจ้า ก ร ร ม นายเวร
มีผู้รู้ได้วิจารณ์เกี่ยวกับอานิสงส์ของการบริจาคโลงด้วยความเชื่อในแบบต่าง ๆ ไว้ดังนี้
บริจาคโลงเพื่อช่วยเหลือผู้ต-าeที่ขัดสนยากไร้ หรือวิญญาณไร้ญาติ อย่างนี้เป็นบุญที่ทำด้วยความสงสาร และปรารถนาจะ
ช่วยเหลือสง เ ค ร า ะ ห์เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน มีธรรมะ คือ ความเมตตากรุณาเป็นปัจจัยให้บริจาคทาน ถือเป็นการ
ทำบุญด้วยใจที่บริสุทธิ์ บริจาคโลง โดยการนอนบนฝาโลง ทอดผ้าบังสุกุล และนิมนต์พระมาสวดชักผ้าบังสุกุล
ด้วยความเชื่อและคิดหวังให้เป็นการสะเดาะ เ ค ร า ะ ห์ ปัดเป่าสิ่งชั่ว ร้ า ย ให้ออกจากร่างกาย และต่อชะตาสืบ
อายุให้มีโชคมีชัย เจริญก้าวหน้าในชีวิต ความเห็นความเข้าใจในพิธี ก ร ร ม เพียงเท่านี้ ยังไม่เพียงพอที่จะให้เกิด
ความสำเร็จความสมหวังได้ เพราะการทำบุญให้ทานด้วยความกลัว ความโลภนั้น มีอานิสงส์น้อย มีอานุภาพน้อย
เปรียบเสมือนน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ
บริจาคโลง โดยการนอนบนฝาโลง ทอดผ้าบังสุกุล และนิมนต์พระมาสวดชักผ้าบังสุกุล ด้วยความเชื่อและคิดหวังให้จะเป็น
การสะเดาะ เ ค ร า ะ ห์ ปัดเป่าสิ่งชั่ว ร้ า ย ให้ออกจากร่างกาย และต่อชะตาสืบอายุให้มีโชคมีชัย เจริญก้าวหน้าในชีวิต
แล้วได้ฟังพระท่านให้ธรรมะเพิ่มเติม แล้วเกิดสติปัญญา นำไปเป็นเป็นข้อคิด เป็นคติเตือนใจว่า ชีวิตคนเราทั้งหลายก็เท่านี้
เกิดมามีความต-าeเป็นที่สุด และก็ต้องมานอนอยู่ในโลงแบบนี้ เอาอะไรติดตัวไปไม่ได้เลยแม้แต่ร่างกายของตนที่มีแต่
จะผุพังเน่าเปื่อย ความทุกข์ยากลำบากที่เกิดขึ้นและอยากจะปัดเป่าให้หายไป ก็เกิดขึ้นเพราะบาป ก ร ร ม ชั่วทั้งหลาย
ที่เราทำไปเพราะความประมาทและขาดซึ่งสติปัญญานั่นเอง ดังนั้น ต่อไปจะต้องไม่ประมาท อย่างนี้ เรียกว่า ทำบุญเสริม
ดวงให้แข็ง คือ ได้สติปัญญา และสติปัญญานี้เองที่ถือเป็นยอดบุญในหมวดธรรมะที่เป็นเหตุปัจจัยให้เกิดความสุขความเจริญ
ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า
จึงกล่าวได้ว่า การทำบุญนั้น ไม่ว่าจะเป็นด้วยวิธีการใดก็ตาม อานิสงส์หรือผลบุญที่ได้รับจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับเจตนา
ของผู้ทำบุญเป็นหลัก การทำบุญ เพราะความกลัว ความโลภ และหวังให้เกิดประโยชน์แก่เฉพาะตัวเอง จะได้บุญน้อยกว่า
การทำบุญด้วยจิตที่สะอาดบริสุทธิ์ ด้วยหวังเพียงให้ผู้อื่นเป็นสุข เช่นเดียวกับการบริจาคโลงนี้ หากเราลองคิดว่า วิญญาณ
ผู้ยากไร้หรือวิญญาณไร้ญาติเหล่านั้น คือ คนใกล้ชิดของเรา หรือกระทั่งเป็นตัวเราเอง การต-าeอย่างไร้ญาติ อย่างคนอนาถา
ถือเป็นเรื่องน่าเวทนานัก หากมีผู้ใดมีจิตกรุณา ช่วยสงเคราะห์ผ้าห่อวิญญาณไม่ให้เป็นที่อุจาดตา อุทิศโลงให้เราได้อาศัย
ไม่ให้ต้องนอนอยู่กลางแดดฝนเป็นอาหารของหนอนหรือแร้งกา ก็ถือเป็นพระคุณแก่วิญญาณของเรายิ่งนัก และเราก็ย่อม
จะตอบแทนด้วยการอวยพรให้ผู้มีพระคุณผู้นั้นมีแต่ความสุขความเจริญ
เมื่อคิดได้เช่นนี้เราก็จะมีจิตที่ยินดี เกิดเป็นความรู้สึกสุขใจ สบายใจ และความสุขใจนี่เอง คืออานิสงส์ผลบุญที่เราจะ
ได้ตอบแทนมาโดยไม่ต้องคาดหวัง และถือเป็นบุญอย่างแท้จริง
*จากบทความที่กล่าวมาข้างต้น ล้วนแต่เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*